Support
เตียงปรับสมดุลย์ร่างกาย
0821519594 , 020 2939 7368
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

เส้นทางการต่อสู้กับอาการปวดหลัง Office Syndrome ของผม

work.happy@hotmail.com | 28-08-2558 | เปิดดู 286 | ความคิดเห็น 0

พึ่งเคยตั้งกระทู้ครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ล่วงหน้า

ผมเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหา Office Syndrome จากการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ประมาณสัก 3 ปีจึงเริ่มออกอาการ

อาการของผมคือมีอาการปวดหลังช่วงเอว ตรงกลาง ค่อนไปทางซ้าย นั่งนานปวด ยืนนานปวด เดินนานปวด เล่นกีฬาหนักปวด  ช่วงแรกอาการก็ไม่ได้ดูหนักมากนัก เหมือนไม่ได้กระทบชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่ หลายปีผ่านไป ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น จนมาถึงวันที่ได้พบรักกับแบดมินตัน เล่นเยอะมาก อาทิตย์ละสามครั้ง ครั้งละ 2 ชม. อุปกรณ์เริ่ด รองเท้าดี ซัพพอร์ทเยี่ยม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปี 2 ปีผ่านไป อาการปวดหลังแย่ลงไปเรื่อยๆ ตื่นเช้ามาก็จะปวดมาก สักพักมันก็จะค่อยๆทุเลาลง หลังจากเริ่มเดิน เริ่มใช้ร่างกายไปสักครู่ วันที่ไม่ดีบางวันก็ปวดจนเดินไม่ได้ ก็อาจจะมีแบบนี้ 2 - 3 เดือนครั้ง พอช่วงไหนเบื่อกับอาการที่เป็นก็ไปหาหมอ

เคยมีอยู่ครั่งนึง เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน เดินอยู่ดีๆ ที่ตึกออฟฟิศ จะเลี้ยวซ้ายเข้าลิฟท์มันเหมือนเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง ข้างในหลัง ความเจ็บปวดค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ รู้สึกตัวทันทีด้วยอัตรานี้เดี๋ยวจะ เดินไม่ได้แน่ ลางานสิคับ เดินแบบย่องๆ เพราะเจ็บทุกก้าว นั่งแท็กซี่ไปโรงพยาบาลคนเดียว สิ่งที่ได้กลับก็มาก็เหมือนเดิม Arcoxia(บรรเทาอาการเจ็บปวด บวมจากภาวะอักเสบของข้อ) อาการเจ็บปวดที่เลวร้ายก็ค่อยๆ ดีขึ้นอย่างช้าๆ จนกลับมาสู่การใช้ชีวิตประจำวันแบบคนมีโรคประจำตัวได้ (อาการปวดยังคงอยู่ ไม่ไปไหน)

 

ใช้ชีวิตปกติต่อไปอีกซักพักก็มีวันที่ไม่ดี(ที่เจ็บเยอะ) มาเรื่อยๆ ครั้งไหนทนไม่ไหว ก็จะไปหาหมอ รวมๆแล้วหาหมอเรื่องปวดหลังทั้งหมดน่าจะประมาณ 10 ครั้ง จนมาเจอคุณหมอท่านนึงฟันธงเลยว่า ผมเป็นหมอนรองกระดูกเสื่อมแน่นอน ซึ่งมีข้อห้าม 4 อย่าง

1. ก้มๆ เงยๆ (โยคะ หรือท่ายืดที่ทำอยู่บ้าง ก็โยนทิ้ง)

2. เล่นกีฬาที่กระแทก (วิ่ง เตะบอล บาส แบดมินตัน สาปสูญ)

3. นั่งนาน

4. ยกของหนัก (เวทเทรนนิ่ง ห้ามเล่นแน่นอน อดดด)

พร้อมจ่ายยา Lyrica (ใช้รักษาอาการปวดหรือเจ็บในบริเวณปลายเส้นประสาทและสมอง) วันรุ่งขึ้นอาการปวดหายเป็นปลิดทิ้ง!!

ผมก็เลยเชื่อหมอคนนี้สนิท จิตตกในทันที ตกลงเป็นจริงๆ ใชไหมหมอนรองกระดูกที่เอาคืนมาไม่ได้ และกีฬาทั้งหลายที่ชอบเล่น เล่นไม่ได้แล้ว ความเจ็บปวดที่มีก็ต้องอยู่กับมันให้ได้ ...แต่อยู่ไปซักพักก็รับไม่ได้  ยังคงพยายามค้นหาต่อไปบนอินเตอร์เน็ท จนได้เจอกับ “Foundation Training”(ลอง search ดูคับ) ณ วันนี้ถ้านับวันที่เจ็บปวดที่สุดเมื่อ 2 ปีก่อน ถ้าให้คะแนนความเจ็บนั้นเท่ากับ 100% ณ ปัจจุบันวันที่แย่ที่สุดของผมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10% วันที่ดีก็เหมือนคนปกติอีกครั้งเลยทีเดียว

สรุปให้ฟังไว้ก่อนว่านอกจากไปโรงพยาบาลแล้วที่ผ่านมาผมทำอะไรบ้างเพื่อรักษาอาการนี้ ภายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

-    หมอนวด ตั้งแต่ถูกถึงแพงมาก  เบาถึงหนักมาก จนน้ำตาไหล...พบว่าอาการดีขึ้นบ้างไม่ดีขึ้นบ้าง บ้างครั้งแย่กว่าเดิม แต่สุดท้ายแล้วมันก็กลับมาอีก

-    ฝังเข็ม ลองอยู่ไม่กี่ครั้ง แต่ไม่เห็นผลอะไร ไม่คอมเมนท์อันนี้แล้วกัน

-    กายภาพบำบัด น่าจะประมาณ 10 ครั้งได้ ไปอย่างต่อเนื่อง เชื่อฟัง ทำการบ้าน ก็ยังไม่ได้เห็นผลอะไรชัดเจนนัก

-    หมอจัดกระดูก หมอฝรั่ง ญี่ปุ่น ลองมาหมด (แพงมากเช่นกัน) ...อาการดีขึ้นในช่วงแรกแต่ก็ยังกลับมาอีก

-    ยืดกล้ามเนื้อเองตามคลิป หนังสือ หรืออะไรก็ตามที่หามาได้ตามอินเตอร์เน็ท บางอันก็ดี บางอันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่โดยรวมแล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน คืออาจจะทำผิดทำถูกก็เป็นไปได้

-    ออกกำลังเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลัง ทั้งแบบ บอดี้เวท (ใช้แต่น้ำหนักตัว) เวท เทรนนิ่ง (ทั้งฟรีเวท และ เครื่อง) บางวันเหมือนจะดี แต่ส่วนใหญ่แล้วจะแย่

-    ตอนไปโรงพยาบาลก็เอ็กซเรย์ไป 3 - 4 ครั้งเหมือนกัน ไม่เคยมีใครฟันธงอะไร บอกว่า หมอนรองกระดูกเริ่มเสื่อมที่ L4 L5 S1 (ช่วงใต้เอวนิดๆ ก็คือแถวๆที่มีอาการ) แต่ก็ไม่ได้ดูทรุดมากจนชัดเจน ไม่สามารถฟันธงได้ว่ามันเป็นต้นเหตุ จนมาถึงหมอคนสุดท้ายที่เล่าให้ฟังด้านบน

Foundation Training คืออะไร

ได้รู้จักกับ FT(Foundation Training) ครั้งแรกมาจากเว็บ อเมซอน ตอนนั้นที่ผมหาคือหนังสือเกี่ยวกับ การเจ็บหลัง และพบว่า หนังสือ FT ขายดีเป็นอันดับที่ 2 (เลือกอันดับ 2 เพราะอันดับ 1 มีรีวิวที่ไม่ดีมากกว่า... ตอนนี้ไม่รู้อันดับอะไรแหละ) 

หนังสือก็จะพูดเกี่ยวกับสาเหตุในการเจ็บหลังว่าเป็นเพราะ ไลฟ์สไตล์คนปัจจุบันนั้นทำให้ กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆไม่ได้ถูกใช้อย่างที่มันถูกมันควรเช่น ก้น ต้นขาด้านหลัง ขาด้านใน ภาระกลับไปตกอยู่ที่ส่วนที่อ่อนแอ คือ หลังช่วงเอว หรือตกอยู่ที่กระดูกแทนที่จะเป็นกล้ามเนื้อ หนังสือก็สอนท่าออกกำลังแบบ บอดี้เวท (ไม่ต้องใช้อุปกรณ์) เพื่อที่จะสอนให้ร่างกายขยับอย่างถูกต้องและ กระตุ้นการใช้งานและเสริมคววามแข็งแรงของกล้ามเนื้อเหล่านั้นให้กลับมาทำงานแบบที่มันควร และลดภาระของกระดูก นอกจากนี้ผลข้างเคียงคือ posture ก็จะดีขึ้นด้วย เหมือนเป็น exercise ที่ออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับ lifestyle ของมนุษย์ปัจจุบันโดยเฉพาะ (นั่งทั้งวัน ก้มทั้งวัน ไหล่ห่อทั้งวัน) นักกีฬาหลายคนก็นำไปใช้เพราะถ้าขยับตัวและใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ได้ดี สิ่งที่เค้าทำอยู่ก็จะดีขึ้นไปด้วย

ผมนี่ ลองทำเลยครับ ทำไปไม่นาน ประมาณเดือนนึง ก็ไม่ได้มีอาการเจ็บในขณะที่ทำ(มีแต่เมื่อย ตึง) เหมือนจะดีขึ้น วันธรรมดาโดยรวมดีขึ้น วันที่ไม่ดี อาการน่าจะเหลือประมาณ 80% ของสมัยก่อน คือไม่มีวันไหนปวดแบบเดินไม่ได้ แต่ ยังไม่สะใจ ดูในรีวิวของหนังสือ ทำไมเค้าบอกหายเลยล่ะ หรือมันหน้าม้า แต่รีวิวก็เยอะอยู่  เลยฮึดทำต่อไปเรื่อยๆ อาการเจ็บยังคงค้างอยู่ที่ 80%  หาข้อมูลไปเรื่อยๆพบว่าเว็บไซท์เค้ามีให้เทรนกับ  Certified Instructor แต่เมืองไทยไม่มี งั้นเทรนผ่าน skype ก็ได้...เงินก็ไม่มี 55 จ้างไม่กี่ sessions ก่อนแล้วกัน  ทำให้พบว่ามีหลายอย่างที่เราทำไม่ถูก 4 sessions ผ่านไป...แม่เจ้า!! มันดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ จากก่อนเทรนผ่าน skype มีความเจ็บหลัง 80% พอ 4 sessions ผ่านไป (ประมาณ อาทิตย์ละครั้ง และฝึกเองด้วย) เหลือ 20%!!!! (วัดจากความรู้สึกในวันที่แย่ที่สุด)

กำลังใจเริ่มมา แตไม่หยุดอยู่แค่นั้น พอเห็นเค้ามีโปรแกรม workshop เป็นเวลา 4 วันที่อเมริกา เพื่อจะได้เป็น Certified Instructor เอาวะ...กัดฟัน ทุ่มเทบัตรเครดิต ไปก็ได้ว่ะ ช่วงที่ฝึกรู้สึกดีมาก คนที่เคยสอนกันผ่านสไกป์บอก ดีมากมาหาถึงมือยังงี้ฝึกกันมันส์กว่าเยอะ ฝึกไปสองวัน อาการเจ็บของผม หายสนิท(มันก็คือความรู้สึกน่ะนะ แต่รู้สึกยังงั้นจริงๆ) ดีใจมาก มันเหลือเชื่อมาก แม้แต่อาการเจ็บข้อมือ ที่เกิดจากการลื่นล้มแล้วเอามือยันพื้นแล้ว เมื่อหลายปีก่อน (ที่หาหมอหลายครั้งเหมือนกัน ยังไงก็ไม่หาย) มันก็ดีขึ้นด้วย โอ้พลังแห่ง FT และ Posture ทุกวันนี้ก็ยังคงฝึกต่อไปอย่างต่อเนื่อง วันนึงก็ไม่ได้ใช้เวลาอะไรมาก ประมาณ ครึ่งชม. ทุกวันเว้นวัน อะไรประมาณนั้น อย่างที่บอกด้านบนว่า ณ วันนี้วันที่แย่ที่สุดอยู่ที่ประมาณ 10% ของเมื่อก่อน ซึ่งจริงๆแล้วมันควรจะดีได้กว่านี้ แต่มันกลายเป็นว่า พอนั่งนานแล้วไม่ปวด ผมก็เลยนั่งนานยิ่งกว่าเดิม -_-“ มันก็เลยมีอาการกลับมารบกวนบ้าง นั่นก็เป็นสิ่งที่ตัวผมต้องปรับปรุงต่อไป (ทำให้แข็งแรงกว่านี้ และลุกให้มากกว่านี้) สนใจข้อมูลเพิ่มเติมก็ลอง search ดูคับ มี video เกียวกับ FT หลายอันอยู่ มี Ted Talk ด้วย

สรุปเลยแล้วกัน ที่ผมเขียน เพราะอยากแชร์ประสบการณ์ ใครสนใจลองหาหนังสือมาอ่าน ซื้อ Video ของเค้า (หนังสือมีทฤษฎีมากกว่า แต่ท่าออกกำลังจะยังไม่พัฒนามาถึง Video) หรืออยากจะมาสอบถามข้อมูลจากผมก็ได้นะครับ เผื่อเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนไหนมีปัญหาเหมือนที่ผมเคยเป็น จะได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง หรือคนที่ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บแต่อยากป้องกัน หรือ ปรับปรุงบุคลิก การออกกำลังแบบถูกต้องนี่แหละ เห็นผลยั่งยืน

.
ขอขอบคุณ : pantip.com/toppig/33699338 ,Anti office Syndrome by Activelife Thailand

ความคิดเห็น

วันที่: Fri Apr 19 04:28:04 ICT 2024

แสดงความคิดเห็น
All Comments: 0 Pages: 1/0

 เครื่องออกกำลังกาย,เครื่องยืดกระดูก,เตียงยืดหลังนักกล๊อฟ,ทางเลือกดูแลสุขภาพ,ปวดหลัง,หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท,เตียงกายภาพ